ผู้นำในการผลิตหัววัดชนิด Germanium
ตั้งแต่คศ. 1980 จนมาถึงปัจจุบันกินเวลากว่า 40 ปีแล้วที่ CanberraTM เป็นผู้นำในการผลิตหัววัดชนิด Germanium เรื่อยมา จนมาถึงปัจจุบัน CanberraTM ได้เข้ารวมกับ Mirion Technologies.Inc โดยยังเป็นที่รู้จักกันดีในนาม Mirion Canberraและยังคงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้อย่างดีอีกทั้งยังมีมีผลิตภัณฑ์เพื่อสนับสนุนงานวิจัยต่าง ๆ ครอบคลุมเพิ่มมากขึ้นเช่น งานในกลุ่ม Spectroscopy, Dosimetry, Radiation monitoring, Environment, Health physics และอีกมากมาย ในระหว่างนั้นทาง CanberraTM ได้ทำงานวิจัยและสนับสนุนงานวิจัยในงานทาง Synchrotron มาโดยตลอด เป็นเหตุให้หัววัด Germanium ได้ถูกพัฒนามาเป็นระยะเวลานานจนสามารถสนับสนุนงานวิจัยได้หลายด้าน โดยที่เป็นที่นิยมมีดังนี้
- Synchrotron (EXAFS, diffraction, medical beam lines)
- Nuclear Physics (tracking)
- Compton cameras (imaging)
- Non destructive control
- Radiography
- Medical (BNCT, Angiography)
โดยมีระบบการนับวัดแบ่งได้โดยสังเขปดังนี้
1. Discrete Array detector
หัววัดแบบ Array ที่ผลิตโดย Mirion ประกอบขึ้นจากหัววัดชนิด LEGe™ หรือ Ultra-LEGe™ ติดตั้งแบบแยกส่วนกับ Preamp และเนื่องจากหัววัดนี้มีอัตราการนับวัดสูงจึงเลือกใช้ Preamp ชนิด Integrated-Transistor Reset Preamp (I-TRP) ทำให้หัววัดชนิดนี้จะวัดได้ประสิทธิภาพดี ในความละเอียดของพลังงานที่มีการประมวลผลพัลส์สั้น (shaping) หัววัด Ultra-LEGe สามารถทำงานได้ดีในการขยายพลังงานประมาณ 300 eV ขึ้นอยู่กับชนิดของ window และด้วยขนาดกับการวางตำแหน่ง array ที่มีข้อจำกัดหัววัดชนิดนี้จึงจำกัด จำนวนสูงสุดไว้ที่ประมาณ 36 channels
ปัจจุบัน Mirion มีความสามารถในการสร้างหัววัด Gemanium แบบแบ่งส่วนโดยใช้เทคนิค photolithographic ขั้นสูง เทคโนโลยีนี้นำไปสู่การผลิตหัววัดแบบ pixel ที่เกิดจากผลึก Germanium ชิ้นเดียวตัดแบ่งไปติดตั้งกับหัววัดหลายๆ หัวประกอบเข้าด้วยกัน ทำให้หัววัดแบบ monolithic ให้ความหนาแน่นของพื้นที่การวัดที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับหัววัดแบบ array แบบไม่ต่อเนื่อง กล่าวคือ หัววัดแบบ monolithic พื้นที่การวัดจะกินพื้นที่ทั้ง 100% ของขนาดพื้นที่ทั้งหมดเนื่องจากไม่มีรอยต่อระหว่าง element แต่หัววัดแบบ array แบบไม่ต่อเนื่องจะมีพื้นที่ตรวจวัดเพียง 35% ถึง 55% ของพื้นที่ทั้งหมดโดยส่วนที่ขาดหายไปเกิดจากช่องว่างระหว่าง element นั้นเอง
หัววัดในรุ่น EPGS ใช้เทคนิค photolithographic ขั้นสูงในการผลิตเช่นเดียวกันและเป็นหัววัดแบบแถบที่ดีที่สุดและมีจำหน่ายทั่วโลกโดย ด้วยขนาดของหัววัดที่ใหญ่ (pixels, strips) และสามารถเลือกรูปแบบได้หลากหลาย (straight strips, circular, single หรือ double sided) จึงนิยมใช้งาน สำหรับการวัดรังสีเอกซ์และรังสีแกมมาประสิทธิภาพสูง ในงานฟิสิกส์, ฟิสิกส์ดาราศาสตร์, การควบคุมการตรวจสอบโดยไม่ทำลาย และเภสัชกรรม ฯลฯ อีกจุดเด่นที่สำคัญคือมีความละเอียดสูงที่สุดที่พลังงาน <130 eV ที่ 5.9 keV (ขึ้นกับตำแหน่งและอัตราการนับวัด) และสัญญาณแทรกข้าม (Crosstalk) น้อยเพียง 1%